Astronomy&Universe
เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าคุณเคยสงสัยไหมว่า..นอกจากดวงดาวแล้วเอกภพเรานั้นมีอะไรอีก?
วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
นาฬิกาดาราศาสตร์
ท้องฟ้าจำลอง
ท้องฟ้าจำลอง ( planetarium) คือห้องแสดงมหรสพที่สร้างขึ้นสำหรับนำเสนอภาพท้องฟ้ายามค่ำคืน เพื่อความบันเทิง เพื่อการศึกษาทางดาราศาสตร์ หรือเพื่อการฝึกอบรมในการดูดาว โครงสร้างส่วนใหญ่ของท้องฟ้าจำลองโดยมากจะเป็นห้องรูปโดมขนาดใหญ่ มีเครื่องฉายเพื่อแสดงดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และวัตถุท้องฟ้าต่างๆ ให้ปรากฏบนหลังคาโดม สามารถแสดง "การเคลื่อนที่ของสวรรค์" อันซับซ้อนได้อย่างสมจริง ภาพของท้องฟ้าสามารถสร้างขึ้นได้จากเทคโนโลยีต่างๆ กัน
วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
สถานีอวกาศ
สถานีอวกาศ ( Space station) คือสิ่งก่อสร้างที่ออกแบบโดยมนุษย์ เพื่อใช้เป็นที่อยู่การดำรงชีพในอวกาศ โดยอยู่ในวงโคจรต่ำ (LEO)
ประโยชน์ที่ได้จากสถานีอวกาศก็คือ
1) ศึกษาความเป็นไปได้ของการดำรงชีวิตในสภาพไร้แรงโน้มถ่วง ที่มีผลกระทบโดยตรงกับมนุษย์ เช่น สภาพจิตใจ และ สภาพร่างกาย
2) ศึกษาการทดลองต่างๆทางวิทยาศาสตร์ในสภาพไร้แรงโน้มถ่วง ซึ่งการทดลองบางอย่างไม่สามารถทำได้บนพื้นโลก
3) ศึกษาพฤติกรรมของสัตว์บางชนิด และการดำรงชีพของสัตว์เหล่านั้น เมื่ออยู่ในสภาพไร้แรงโน้มถ่วง เช่น ศึกษาการชักใยของแมงมุม เป็นต้น
4) ใช้สำหรับการศึกษาทางด้านดาราศาสตร์ เพราะในอวกาศไม่มีชั้นบรรยากาศรบกวนหรือขวางกั้น
5) ใช้สำหรับการศึกษาทางด้านธรณีวิทยา และ อุตุนิยมวิทยา ควบคู่ไปกับระบบดาวเทียม
6) ใช้สำหรับประโยชน์ทางการทหาร
7) นอกจากนี้การสร้างสถานีอวกาศ ยังเป็นแนวทางที่ทำให้มีการประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์หรือวิทยาการใหม่ๆขึ้นมาสำหรับการพัฒนาสถานีอวกาศรุ่นต่อๆไป
สหพันธ์ดาราศาสตร์สากล
สหพันธ์ดาราศาสตร์สากล (ไอเอยู) ( IAU - International Astronomical Union) เป็นองค์กรที่รวมกลุ่มสมาคมดาราศาสตร์ต่าง ๆ จากทั่วโลกเข้าด้วยกัน และเป็นสมาชิกของสภาวิทยาศาสตร์นานาชาติ (ไอซีเอสยู) มีอำนาจในการตั้งชื่อดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย รวมถึงวัตถุท้องฟ้าและปรากฏการณ์อื่น ๆ
สหพันธ์ดาราศาสตร์สากลประกอบด้วยคณะทำงานตั้งชื่อระบบดาวเคราะห์ (Working Group for Planetary System Nomenclature - WGPSN) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการในการประชุมตั้งชื่อวัตถุต่าง ๆ และรับผิดชอบระบบโทรเลขดาราศาสตร์ แม้ว่าไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการเองโดยตรง
สหพันธ์ดาราศาสตร์สากลก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) จากการควบรวมเข้าด้วยกันระหว่างโครงการในระดับนานาชาติหลายโครงการ ได้แก่แผนที่ท้องฟ้า (Carte du Ciel) สหพันธ์สุริยะ (Solar Union) และ สำนักงานเวลาสากล (Bureau International de l'Heure) ประธานสหพันธ์คนแรก คือ เบนจามิน เบลลอด
ระบบสุริยะ Solar System
ระบบสุริยะ ( Solar System) ประกอบด้วยดวงอาทิตย์และวัตถุอื่นๆ ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์เนื่องจากแรงโน้มถ่วง ได้แก่ ดาวเคราะห์ 8 ดวงกับดวงจันทร์บริวารที่ค้นพบแล้ว 166 ดวง ดาวเคราะห์แคระ 5 ดวงกับดวงจันทร์บริวารที่ค้นพบแล้ว 4 ดวง กับวัตถุขนาดเล็กอื่นๆ อีกนับล้านชิ้น ซึ่งรวมถึง ดาวเคราะห์น้อย วัตถุในแถบไคเปอร์ ดาวหาง สะเก็ดดาว และฝุ่นระหว่างดาเคราะห์....
ช่องว่างระหว่างดาราจักร
ช่องว่างระหว่างดาราจักรหรือช่องว่างระหว่างกาแล็คซี่ ( Intergalactic space) เป็นที่ว่างทางกายภาพที่อยู่ระหว่างดาราจักร โดยทั่วไปจะไม่มีฝุ่นใดๆ อยู่เลย มีสภาพเกือบจะเป็นสูญญากาศสมบูรณ์ บางทฤษฎีให้ค่าความหนาแน่นเฉลี่ยของเอกภพไว้ที่ประมาณ 1 ไฮโดรเจนอะตอมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ค่าความหนาแน่นของเอกภพมีค่าไม่เท่ากันเสมอไป มันอาจมีความหนาแน่นมากในดาราจักร (รวมทั้งโครงสร้างที่มีความหนาแน่นสูงมากภายในดาราจักร เช่น ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์และหลุมดำ) ทำให้พื้นที่ว่างอันกว้างใหญ่ที่เหลือมีความหนาแน่นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเอกภพอย่างมาก และมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 2.73 เคลวิน
ในพื้นที่ระหว่างดาราจักร มีพลาสมาอย่างจางๆ อยู่ ซึ่งเชื่อว่ามันเป็นตัวโยงโครงสร้างเส้นใยของเอกภพเอาไว้ และมีค่าความหนาแน่นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของเอกภพ สสารนี้เรียกว่าเป็น มวลสารระหว่างดาราจักร (intergalactic medium (IGM)) ส่วนใหญ่เป็นประจุไฮโดรเจน เช่น พลาสมาแห่งหนึ่งประกอบด้วยประจุอิเล็กตรอนและโปรตอนเป็นจำนวนเท่าๆ กัน คาดว่ามวลสารระหว่างดาราจักรมีค่าความหนาแน่นประมาณ 10-100 เท่าของค่าเฉลี่ยของเอกภพ (คือประมาณ 10-100 ไฮโดรเจนอะตอมต่อลูกบาศก์เมตร) มันอาจมีค่าสูงถึง 1000 เท่าของค่าเฉลี่ยความหนาแน่นของเอกภพก็ได้ในเขตที่มีกระจุกดาราจักรอยู่เป็นจำนวนมาก
สุริยุปราคา (Solar eclipse)
สุริยุปราคา หรือ สุริยคราส (Solar eclipse) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และโลก โคจรมาเรียงอยู่ในแนวเดียวกันโดยมีดวงจันทร์อยู่ตรงกลาง เกิดขึ้นเฉพาะในวันที่ดวงจันทร์มีดิถีตรงกับจันทร์ดับ เมื่อสังเกตจากพื้นโลกจะเห็นดวงจันทร์เคลื่อนเข้ามาบดบังดวงอาทิตย์ โดยอาจบังมิดหมดทั้งดวงหรือบางส่วนก็ได้ ในแต่ละปีสามารถเกิดสุริยุปราคาบนโลกได้อย่างน้อย 2 ครั้ง สูงสุดไม่เกิน 5 ครั้ง ในจำนวนนี้อาจไม่มีสุริยุปราคาเต็มดวงเลยแม้แต่ครั้งเดียว หรืออย่างมากไม่เกิน 2 ครั้ง โอกาสที่จะได้เห็นสุริยุปราคาเต็มดวงสำหรับสถานที่ใดสถานที่หนึ่งบนพื้นโลกนั้นค่อนข้างยาก เนื่องจากสุริยุปราคาเต็มดวงแต่ละครั้งจะเกิดในบริเวณแคบ ๆ ภายในแถบที่เงามืดของดวงจันทร์พาดผ่านเท่านั้น
สุริยุปราคามี 4 ชนิด ได้แก่
- สุริยุปราคาเต็มดวง (total eclipse) : ดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์หมดทั้งดวง
- สุริยุปราคาบางส่วน (partial eclipse) : มีเพียงบางส่วนของดวงอาทิตย์เท่านั้นที่ถูกบัง
- สุริยุปราคาวงแหวน (annular eclipse) : ดวงอาทิตย์มีลักษณะเป็นวงแหวน เกิดเมื่อดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งที่ห่างไกลจากโลก ดวงจันทร์จึงปรากฏเล็กกว่าดวงอาทิตย์
- สุริยุปราคาผสม (hybrid eclipse) : ความโค้งของโลกทำให้สุริยุปราคาคราวเดียวกันกลายเป็นแบบผสมได้ คือ บางส่วนของแนวคราสเห็นสุริยุปราคาเต็มดวง ที่เหลือเห็นสุริยุปราคาวงแหวน บริเวณที่เห็นสุริยุปราคาเต็มดวงเป็นส่วนที่อยู่ใกล้ดวงจันทร์มากกว่า
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)